ในปี 2565 ที่ผ่านมา อินเดียเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจ (วัดจาก GDP) เป็นอันดับ 6 ของโลกรองจาก สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี และสหราชอาณาจักรตามลำดับ โดยมี GDP $2.66 trillion แต่ในอีก 3 ปีข้างหน้า Goldman Sach คาดว่า GDP ของอินเดียจะเติบโตเฉลี่ยประมาณ 6-7% เลยทีเดียว
David Solomon, CEO ของ Goldman Sach กล่าวถึงอินเดียว่า เป็นประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับที่สูงมากเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญ คือ ขนาดของประชากรที่มากเป็นอันดับ 2 ของโลกจำนวน 1,420 ล้านคน (รองจากจีนที่เป็นอันดับ 1 ที่ 1,450 ล้านคน) และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่กำลังขยายตัว ซึ่งถือเป็นโอกาสทางธุรกิจอย่างมหาศาล
นอกจากนี้การที่มหาอำนาจเดิมของโลกทางเศรษฐกิจอย่างสหรัฐฯ และ จีน มีปัญหาความขัดแย้งกันมาอย่างต่อเนื่อง และไม่มีทีท่าที่จะประณีประนอมกัน ก็ยิ่งทำให้การทำการค้าและทำธุรกิจในอินเดียยิ่งเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีก เพราะอินเดียยังปราศจากปัญหาการเมืองระหว่างประเทศที่รุนแรง
ด้วยแนวโน้มประชากรที่ยังคงเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจมีการขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดกันว่าในปี 2593 (ค.ศ. 2050) อินเดียจะกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน ขณะที่สหรัฐฯ จะตกมาอยู่ในอันดับของโลก
ส่วนในแง่ของการลงทุน ปีนี้ดัชนี Nifty50 ซึ่งเป็นตัวแทนหุ้น 50 บริษัทขนาดใหญ่จาก 13 อุตสาหกรรมในตลาดหุ้นอินเดียเพิ่มขึ้นมาแล้ว +4.8% และถ้ามองผลตอบแทนในรอบ 3 ปีย้อนหลังนั้นพบว่า ดัชนี Nifty50 ทำผลตอบแทนได้สูงถึง +84% ซึ่งถือเป็นตลาดหุ้นที่มีผลตอบแทนสูงในระดับต้นๆ ของโลก
Facebook : Three Six O Academy ทรี ซิกส์ โอ อะคาเดมี
Youtube : ThreeSixO Academy # Browse your Opportunities
Line OA : @ThreeSixOAcademy
Twitter : 360AcademyTH
Website : www.threesixoacademy.com
Tel : 063-9876593
#ThreeSixOAcademy#BrowseYourOpportunitie#ABAC#MSME#investment#Executive#Academy
#superfund#หาเงินลงทุน#เรียนคอร์สออฟไลน์